การสวมหน้ากากอนามัยในเด็กอย่างไรดี

Last updated: 18 ก.ย. 2567  |  434 จำนวนผู้เข้าชม  | 

การสวมหน้ากากอนามัยในเด็กอย่างไรดี

วิธีดูแลเด็กในช่วงโควิด-19 สวมหน้ากากอนามัยในเด็กอย่างไรดี
จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น การป้องกันด้วยการดูแลสุขภาพตนเองและคนที่คุณรักยังเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งวิธีการสวมใส่หน้ากากอนามัยยังคงเป็นวิธีป้องกัน ที่ควรปฎิบัติเพราะสามารถช่วยลดกระจายของเชื้อโรค จากตัวผู้ติดเชื้อได้ แต่ก็ใช่ว่าจะเหมาะสมและปลอดภัยไปเสียทุกคน โดยเฉพาะเด็กเล็ก ๆ หรือทารกแรกเกิด 
เพื่อความปลอดภัย และป้องกันเชื้อโรคอย่างถูกต้องเหมาะสม การสวมหน้ากากอนามัยในเด็กต้องดูแลอย่างไร อายุเท่าไหร่ถึงควรสวมใส่หน้ากากอนามัย พ่อแม่ผู้ปกครองควรรู้ไว้ เพื่อดูแลบุตรหลานได้อย่างเหมาะสม

การสวมหน้ากากอนามัยในเด็กสำคัญอย่างไร?
การสวมหน้ากากอนามัยในเด็ก เป็นสิ่งที่ช่วยให้เด็ก ๆ ลดโอกาสสัมผัสเชื้อไวรัส จากการ ไอ หรือจาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะห่างน้อยกว่า 2 เมตร แต่พ่อแม่ผู้ปกครอง ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ไม่ใช่เด็กทุกวัยจะเหมาะสมที่จะสวมใส่หน้ากากอนามัยได้ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ๆ 
เพื่อให้การป้องกันมีประสิทธิภาพและเกิดความปลอดภัยสูงสุดกับตัวเด็ก จึงต้องรู้ว่าช่วงวัยใดที่เหมาะและไม่เหมาะสมกับการสวมหน้ากากอนามัย ด้วยเหตุผลอะไร
วิธีการสวมหน้ากากอนามัยในเด็กแต่ละวัย
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การยูนิเซฟ (UNICEF) ระบุว่า เด็กอายุระหว่าง 6-11 ปี ควรสวมหน้ากากในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยง ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ไม่จำเป็นต้องบังคับให้สวมหน้ากาก โดยยังมีรายละเอียดแนะนำแต่ละช่วงวัยดังนี้
เด็กทารกแรกเกิด ถึง 1 ปี
กลุ่มทารกแรกเกิดและเด็กเล็ก ถึงจะเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องให้ความสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อเป็นพิเศษ แต่ด้วยสรีระของทางเดินหายใจ และกลไกการหายใจที่แตกต่างจากผู้ใหญ่
พ่อแม่ผู้ปกครองจึงไม่ควรสวมหน้ากากให้เด็กทารก เพราะเด็กทารกยังมีระบบหายใจที่ไม่แข็งแรงพอ จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะคาร์บอนไดออกไซด์คั่ง เกิดอันตรายต่อระบบประสาทของเด็กทารกได้ เนื่องจากทารกแรกเกิดหายใจทางจมูกเป็นหลัก ยังไม่มีความสามารถในการหายด้วยการอ้าปากหายใจเพื่อชดเชยได้ 
นอกจากนี้การสวมใสหน้ากากอนามัยที่มี วัสดุพลาสติกบังหน้าทารก ความคมของพลาสติกอาจทำให้บาดใบหน้า และดวงตาของทารกได้อีกด้วย
ข้อแนะนำ : หากมีเด็กเล็กในครอบครัว ควรเน้นการ การเว้นระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 2 เมตร งดการสัมผัส จับ กอด หอมแก้ม ในกรณีอุ้มเดิน ควรอุ้มแนบอก หรือใส่ รถเข็นที่มีผ้าคลุมปิดในกรณีที่จำเป็นต้องเดินทาง
เด็กอายุ 1 ถึง 2 ปี
เด็กในช่วงวัยนี้สามารถเรียนรู้การถอดหน้ากากได้เอง และเริ่มเรียนรู้การหายใจทางปากได้  ดังนั้นเด็กในช่วงวัยนี้สามารถสวมใสหน้ากากอนามัยได้บ้าง ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ  เพราะหากรู้สึกอึดอัด เด็กสามารถดึงหน้ากากออกจากหน้าเองได้ 
ดังนั้นจึงยังคงต้องให้ความสำคัญกับการ เว้นระยะห่าง social distancing และลดการสัมผัส
ข้อแนะนำ : ให้ใส่หน้ากากอนามัย เฉพาะช่วงที่ต้องออกไปข้างนอก ในพื้นที่สาธารณะที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก
เด็กอายุมากกว่า 2 ปี ขึ้นไป
สำหรับเด็กที่อายุมากกว่า 2 ปี สามารถสวมใส่หน้ากากได้ สามารถถอดหน้ากากออกได้เองเมื่อรู้สึกอึดอัด ยกเว้นเด็กที่มีกล้ามเนื้ออ่อนแรง กลุ่มที่มีความบกพร่องทางสมองหรือ ระบบทางเดินหายใจ
ข้อแนะนำ : ผู้ปกครองควรสวมใส่หน้ากากอนามัยด้วยกันกับเด็ก เพื่อเป็นแบบอย่าง และเพื่อให้เด็กไม่รู้สึกโดดเดี่ยว แปลกแยก  รวมถึงควรอธิบายอย่างง่าย ๆ ว่าทำไมถึงต้องใส่หน้ากากอนามัย และเน้นย้ำว่าจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยเพื่อความปลอดภัย เมื่อเด็กเข้าใจก็จะรู้สึกอุ่นใจที่จะใช้หน้ากาก
 
เด็กที่มีอายุมากกว่า 12 ปี
เด็กวัยนี้สามารสวมใส่หน้ากากในสถานการณ์เดียวกับผู้ใหญ่ และให้ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลเชื้อโรค  ความอันตราย และข้อควรระวังต่าง เพราะเด็กวัยนี้มีความเข้าใจในเรื่องเชื้อโรคมาก ซึ่งจะช่วยให้เข้าควรใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันด้วยตัวเอง 
เด็กที่มีโรคประจำตัวที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะโรคทางระบบประสาท หรือทางเดินหายใจบกพร่องรุนแรงที่ไม่สามารถใช้หน้ากากอนามัยได้เอง  พ่อแม่ผู้ปกครองควรดูแลเรื่องที่อยู่ และสภาพแวดล้อมเคร่งครัด เน้นเรื่องการระยะห่าง 

ข้อแนะนำ : ควรใช้เครื่องมือวิเคราะห์ความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดแดงช่วยในการเฝ้าระวัง ร่วมด้วยได้
แนวทางป้องกันเชื้อโรคในเด็กที่ควรปฎิบัติ
ถึงแม้ว่าหน้ากากจะสำคัญต่อการป้องกัน แต่ยังมีข้อปฎิบัติอื่นที่ ช่วยลดโอกาสเสี่ยงการติดเชื้อได้ โดยมีแนวทางปฎิบัติดังนี้



ไม่พาเด็กไปในที่สุ่มเสี่ยง ยกเว้นกรณีที่จำเป็น เช่น การไปโรงพยาบาล เพื่อรับการฉีดวัคซีนพื้นฐาน ตามที่แพทย์นัด
พยายามรักษาความสะอาด หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ นานอย่างน้อย 20 วินาที หรือแอลกอฮอล์เข้มข้น 70% ขึ้นไป
ทำความสะอดของเล่น หรือสิ่งของที่เด็กจับบ่อย ๆ
ฝึกฝนและเตือน ไม่ให้เด็กเลียสิ่งของต่าง ๆ หรือเอาของเข้าปาก
แนะนำให้เด็ก ไม่สัมผัสกับสิ่งของนอกบ้านมาก
พยายามรักษาระยะห่างกับคนอื่น ๆ

ถ้าลูกไม่ยอมใส่หน้ากากอนามัย พ่อแม่ผู้ปกครองควรทำอย่างไร?
ใส่เป็นเพื่อนลูก โดยเฉพาะช่วงอายุ 1 ขวบ เด็กส่วนมากจะเลียนแบบพฤติกรรมของพ่อแม่ หากอยากฝึกให้เด็กสวมใสหน้ากาก คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ไว้เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดี
ใส่ให้ตุกตา หากเด็กมีตุ๊กตาคู่ใจเป็นเพื่อนเล่น ลองสวมหน้ากากให้กับตุ๊กตา เพื่อช่วยดึงดูดความสนใจและให้เขาทำตาม
ช่วยตกตกแต่งหน้ากากให้เป็นรูปต่าง ๆ เพื่อเด็กสนุกสนานสนใจ
ชมเชยและให้รางวัล หากในช่วงแรกๆลูกไม่ยอมใส่ไม่ควรดุบังคับ ต้องค่อย ๆ เริ่มใหม่อีกครั้ง แลัเมื่อลูกยอมสวมหน้ากากแต่โดยดี ผู้ปกครองควรชมเชยด้วยคำพูดหรือให้ของรางวัลเพื่อเป็นการกระตุ้นให้พวกเขาอยากสวมในครั้งต่อๆ ไป
สรุป
นอกจากการเรียนรูู้วิธีการส่วมใส่หน้ากากอนามัยในเด็กแต่ละช่วงวัยแล้ว สิ่งสำคัญคือการดูแลสุขภาพอนามัยที่แข็งแรงของเด็ก ๆ ที่ถือเป็นเกราะป้องกันโรคได้อย่างดี คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญกับอาหารการกิน ควรเป็นอาหารที่สุกใหม่เสมอ และถูกต้องตามหลักโภชการ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้